ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

Introvert และ Extrovert คืออะไร?

Introvert และ Extrovert คืออะไร

อ้างอิง:https://blog.pop.work/popwork-management-tips/introverts-extroverts-personalities/

    Introvert และ Extrovert ในทาง MBTI เราเรียกฟังก์ชันแบบนี้ว่าภายใน และ ภายนอกเป็นการรับพลังงานรูปแบบหนึ่ง ซึ่งการได้รับพลังงานนี้จะเกี่ยวข้องกับการทำงานของสมอง การมีปฏิกิริยาเคมีภายในสมอง คือสาร Dopamine และ Acetycoline ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทของความสุข จะหลั่งออกมาเมื่อได้ทานอาหารอร่อย ๆ, ได้ทำอะไรสนุก ๆ, ได้อ่านหนังสือเล่มโปรด, ได้คุยกับตนที่แอบชอบ 
ซึ่ง Extrovert จะตอบสนองต่อ dopamine ได้ดีกว่า ไวกว่าของ Introvert เพราะได้รับสิ่งกระตุ้นจากสิ่งเร้าภายนอก, ส่วนของ Intovert จะตอบสนองกับสาร acetycoline ได้ดีกว่า เนื่องจากมีความสุขกับสิ่งเร้าภายใน 

    

Extrovert 

 Extrovert จะแฮปปี้มาก ๆเมื่อได้เข้าสังคม, งานสังสรรค์งานเลี้ยง, กิจกกรรมที่ได้แสดงออก ฯลฯ    พวกเขามักรู้สึกเติมเต็มและสนุกสนานไปกับการเจอผู้คนต่าง ๆและสามารถเข้ากับผู้อื่นได้อย่างยอดเยี่ยม 
Carl Jung ผู้ค้นพบศาสตร์ MBTI ได้ให้คำจำกัดความของการรับพลังานของ Extrovert ไว้ว่า ผู้ที่ได้รับพลังงานจากปฏิสัมพันธ์ทางสังคมและสภาพแวดล้อมภายนอก และมักจะอึดอัดและวิตกกังวลเมื่ออยู่คนเดียว

Introvert



มนุษย์ Introvert จะรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในพื้นที่สงบ ๆ ไม่วุ่นวาย ไม่ชอบโลกภายนอกที่วุ่นวายนัก ชอบทำงานอดิเรกในบ้านหรือพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งนาน ๆ สามารถเพลิดเพลินไปกับการอยู่คนเดียวได้
Carl Jung ผู้ค้นพบศาสตร์ MBTI ได้ให้คำจำกัดความของการรับพลังงานของ Introvert ไว้ว่า ผู้ที่สามารถเติมเต็มพลังงานได้เมื่ออยู่ในสภาวะที่เงียบสงบ

Ambivert คืออะไร มีจริงรึเปล่า?



คำตอบคือมีนะครับ แต่ในทาง MBTI ไม่มี เนื่องจาก cognitive function ของ MBTI จะสลับกันไปมาเป็น 
Xe Xi Xe Xi(Extrovert) หรือ Xi Xe Xi Xe(Introvert) เพราะงั้นใน MBTI ทุกคนเป็น Ambivert เพราะ เช่น ถ้าคุณคือ ENFJ cognitive function ของคุณคือ Fe Ni Se Ti จะสังเกตได้ว่า มี Fe ที่เป็น function ภายนอกเป็นตัวแรกที่ถนัดที่สุด ต้องมี Ni เข้ามาเบรกเพื่อไม่ให้อยู่กับโลกภายนอกมากเกินไป จำเป็นต้องอยู่กับโลกภายในด้วยเพื่อรักษาสมดุลพลังงานของชีวิตไม่ให้มากหรือน้อยเกินไป 

ความเป็นมนุษย์

อย่างไรก็ตามมนุษย์คือสัตว์สังคมก็ยังมีพื้นที่ภายในและภายนอก Introvert ก็มีช่วงที่ต้องการโลกภายนอกเพื่อเติมเต็ม และ Extrovert ก็ต้องการเวลาเพื่อจัดเก็บเรียบเรียงสิ่งที่ได้รับมาเพื่อเติมเต็มเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดความสมดุลและทำให้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขได้





ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

cognitive function -Judging

   C ognitive function คืออะไร อ้างอิง: อันนี้ทำเอง      cognitive function คือวิธีการคิดและกระบวนการคิดในการรับรู้และตัดสินใจในหัวของบุคคลนั้น ๆมีทั้งหมด 8 แบบ แบ่งเป็น Perceiving(การรับรู้ข้อมูลใหม่ ๆและการตรวจสอบความเป็นไปได้) และ Judging(การตัดสินใจและการหาข้อสรุป) ในบทความนี้เราจะพูดถึง Judging function ซึ่งมีทั้งหมดคือ Ti Te Fi Fe     ในทาง MBTI การใช้ function ที่ 1-3 โดยที่ไม่สนใจ 2-4 จะเรียกว่าการติด loop เช่น ถ้าเป็น INFJ จะมี function คือ Ni Fe Ti Se การติด loop จะใช้ Ni-Ti ซึ่งปกติจะเป็นผู้ที่ชอบสิ่งที่เป็นนามธรรม ชอบคิดถึงอนาคตและเข้าอกเข้าใจผู้อื่น ส่วนตอนที่ติด loop ก็ยังสามารถรับข้อมูลที่เป็นนามธรรมและสังเคราะห์ได้ในหัวแต่จะไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นได้อย่างเต็มที่จะใช้ฟังก์ชันภายในทั้งหมดจะไม่เปิดรับสิ่งเร้าภายนอก ซึ่งทำให้ไม่รับฟังความเห็นของใคร     ในทาง MBTI การถูกครอบงำโดยฟังก์ชันที่ 4 จะเรียกว่าการติด grip ซึ่งจะมีฟังก์ชันที่ 3 มาปนด้วย ยกตัวอย่าง ISTJ จะมี function คือ Si Te Fi Ne ซึ่งปกติจะเป็นผู้ที่รับรู้รูปธรรมที่มองเห็นได้จากภายในคือการเก็บประสบการณ์และเหตุการณ์ท

cognitive function -Perceiving

  cognitive function คืออะไร อ้างอิง:  https://cognitivedoodles.tumblr.com/post/663736905799696384/its-the-function-wheel-finally-i-got-them-all?is_related_post=1      cognitive function คือวิธีการคิดและกระบวนการคิดในการรับรู้และตัดสินใจในหัวของบุคคลนั้น ๆมีทั้งหมด 8 แบบ แบ่งเป็น Perceiving(การรับรู้ข้อมูลใหม่ ๆและการตรวจสอบความเป็นไปได้) และ Judging(การตัดสินใจและการหาข้อสรุป) ในบทความนี้เราจะพูดถึง Perceiving function ซึ่งมีทั้งหมดคือ Ni Ne Si Se       โดยตัวแรกจะเรียกว่า Dominant function ในการใช้ฟังก์ชันตัวแรกนั้น เราสามารถใช้ได้อย่างเป็นธรรมชาติเหมือนหลับตาเดินบ้านที่คุณสร้างเอง      ตัวที่สองเรียกว่า  Auxilliary function ในตัวนี้จะมาสนับสนุนของตัว dominant function เอง     ตัวที่สามเรียกว่า Tertiary function ซึ่งจะมาถ่วงตัวที่สองเพื่อไม่ให้ใช้ได้สุดโต่งเกินไป     ตัวที่สี่เรียกว่า Inferior function เป็นตัวที่มาถ่วงตัวที่ 1 เพื่อสร้างสมดุลในชีวิตเหมือนกับตัวที่สาม อย่างไรก็ตามตัวที่ 3-4 ของเราหากยังไม่พัฒนาจะเป็นจุดอ่อนของเราได้ จึงควรพัฒนาด้วยกิจกรรมที่ส่งเสริมและสนับสนุนฟังก